Categories
The magic

พาราณสี…

ตามรอยพระพุทธเจ้า ณ อินเดีย

ถ้าพูดถึงเมืองพาราณสี ซึ่งเป็นเมืองที่เกี่ยวข้องกับสังเวชนียสถาน เพราะเมืองพาราณสีไม่ได้ห่างจากเมืองสารนาถ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในสังเวชนียสถานมากนัก ในขณะเดียวกันเมืองพาราณสีก็เป็นเมืองเก่าแก่ของโลก มีแม่น้ำคงคา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของอินเดีย มีความยาว 5 กิโลเมตรไหลผ่านกลางเมืองมีฆาต (Ghat) หรือท่าน้ำมากกว่า 80 ฆาต โดยชาวฮินดูเล่าต่อๆ มาว่า แม่น้ำคงคามีต้นกำเนิดจากสระอโนดาต ในดินแดนหิมพานต์ พวยพุ่งผ่านเศียรพระศิวะ เชื่อมต่อกันระหว่างเมืองสวรรค์ และโลกมนุษย์

เมืองพาราณสีดึงดูดผู้คนให้มาที่นี่เพื่อทำพิธีบูชาเทพเจ้า มาอาบน้ำชำระบาป มาเพื่อขอพร มาตายเพื่อปลงศพริมแม่น้ำคงคา เชื่อกันว่าทำให้ผู้ตายได้เดินทางสู่สรวงสวรรค์ตามตำนาน เมืองพาราณสีเป็นเมืองของพระศิวะ หลังจากอภิเษกกับพระแม่อุมาเทวี (ชายาเอก) ทั้งคู่เลือกมาอยู่ที่นี่ เพราะเป็นเมืองแห่งแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ หากใครได้มาเยือนเมืองพาราณสีจะรู้สึกถึงความแปลก อัศจรรย์ใจ และการตื่นรู้ในความจริงของสัจธรรมมากเช่นกัน

       ท่าน้ำหนักที่เก่าแก่และวุ่นวายที่สุดคือ…ท่าทศาศวเมธ (เมนฆาต) ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างฆาตทั้งหมดริมน้ำ เป็นท่าน้ำที่ผู้คนลงมาอาบน้ำ ลอยกระทงบูชาพระแม่คงคา ทำพิธี “คงคาอารตี” บูชาพระแม่คงคาด้วยดวงไฟ พิธีนี้จะเริ่มหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เป็นประจำทุกวัน มีพราหมณ์เป็นผู้ทำพิธี เสียงบทสวด เสียงระฆังดังประกอบพิธีตลอดเวลา คนในพื้นที่ที่มาร่วมพิธี จะอยู่จนจบพิธี รอรับผลไม้ที่ผ่านการทำพิธีเอาไปกินเป็นสิริมงคล ส่วนท่าหริศจัณทร์ และท่ามณีกรรณิการ์ ทั้ง 2 ท่าเป็นท่าเผาศพที่อยู่คนละด้านกัน เผาศพแบบโบราณใช้พื้นที่เผา ไฟที่ลุกไหม้จากฟืน จะมีควันโขมงลอยออกมา เปลวไฟจากเชิงตะกอนของทั้ง 2 ท่านี้ สว่างไสวตลอดไม่เคยดับ เต็มไปด้วยผู้คนที่เป็นญาติๆ มาทำพิธี ใกล้ๆ กับ 2 ท่านี้มีบ่อน้ำโบราณสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชื่อว่า “มณีกรรณิการ์กุณฑ์” เป็นบ่อน้ำขั้นบันได เดินลงไปถึงขั้นเบื้องล่างได้

นอกจากนี้เมืองพาราณสีก็ยังมีอีกท่าที่น่าสนใจไม่แพ้กับสายหลักเลยก็คือ ท่าซินเด ซึ่งมีวัดจมน้ำ โดยวัดจมน้ำเป็นเทวาลัยที่สรรเสริญพระศิวะเทพ จะมีลักษณะตั้งเอียง จมอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะอยู่เหนือน้ำเพื่อให้มองเห็นได้ด้วยสายตา รวมถึงท่าเกดาร เป็นท่าที่ด้านบนเป็นที่ตั้งเทวาลัยสรรเสริญพระศิวะเช่นกัน เป็นท่าน้ำที่มีสัญลักษณ์ขององค์พระศิวะโดยแท้ จะมีศิวลึงค์ที่ชาวอินเดียนิยมบูชากันมากขึ้น

ติดตามบทความ The Magic ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

Categories
Horoscope

“พระพรหม”

มหาเทพแห่งการสร้างโลก

พระพรหมเป็นมหาเทพแห่งความเมตตา และลิขิตชะตาชีวิตของมนุษย์ จากคัมภีร์และตำนานมากมายทั้งในความเชื่อคนไทย คนฮินดู หรือความเชื่อของชาติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อพระวิษณุต้องการสร้างโลก ท่านจึงแบ่งภาคของท่านออกเป็น 3 ภาค เช่น พระพรหม เกิดจากสี่ข้างด้านขวา, พระวิษณุ เกิดจากสี่ข้างด้านซ้าย และพระศิวะ เกิดจากส่วนกลางของพระองค์ ในเมื่อครั้งโลกยังว่างเปล่า พระอาตมภู (ผู้เกิดเอง) ประสงค์จะสร้างทุกสิ่งบนโลก จึงสร้าง “น้ำ” ขึ้นมาก่อน แล้วนำเมล็ดพันธุ์พืชโปรยลงในน้ำ

สืบเนื่องจากการสร้างน้ำ เวลาผ่านไป พืชนั้นกลายเป็นไข่ทองที่ชื่อว่า “หิรัณครรภ์” ให้กำเนิดพระพรหม จากนั้นพระพรหมจึงแบ่งร่างเป็นชาย-หญิง เพื่อให้กำเนิดมนุษย์ เพื่อแพร่พันธุ์มนุษย์บนโลก เดิมพระพรหมมี 5 เศียร พระพรหมทรงรักและหวงแหนพระมเหสี (มเหสีของพระพรหมมีหลายพระนาม เช่น สุรัสวดี, สาวิตรี, พราหมณี) เพื่อคุ้มครอง ปกป้องพระมเหสี ไม่ว่าพระมเหสีจะเสด็จไปที่ใดก็ตาม

พระองค์จะใช้ตาที่เศียรที่ 5 เฝ้าติดตาม คอยให้ความช่วยเหลือ โดยเศียรที่ 5 ของพระพรหมพูดจาดูหมิ่นพระแม่ปารวตี พระมเหสีของพระศิวะ ทำให้พระศิวะโกรธ เกิดการต่อสู้กันระหว่างพระพรหม กับพระศิวะ พระพรหมพ่ายแพ้ถูกพระศิวะใช้ดวงตาที่ 3 เพ่งไปที่เศียรที่ 5 ของพระพรหม เกิดเป็นไฟเผาผลาญเศียรที่ 5 ถูกทำลายจนเป็นพระพรหมที่มี 4 หน้าเหมือนในปัจจุบัน แต่วรรณะในอินเดียก็นำการกำเนิดมาเชื่อมโยงกัน ดังนี้

  • วรรณะพราหมณ์ (นักบวช นักวิชาการ นักการเมือง ผู้มีความรู้) เกิดจากเศียรของพระองค์
  • วรรณะกษัตริย์ (ชนชั้นปกครอง เช่น ผู้นำ อาชีพสายนักรบ เช่น ทหาร ตำรวจ รวมถึงกลุ่มข้าราชการ) เกิดจากบ่าของพระองค์
  • วรรณะแพศย์ (นักธุรกิจ พ่อค้า ชาวสวย ชาวไร่) เกิดจากท้องของพระองค์
  • วรรณะศูทร (แรงงาน กรรมกร เกษตรกร ชาวนา) เกิดจากเท้าของพระองค์

เรื่องของวรรณะแบบนี้ในอินเดีย ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีการแบ่งชนชั้นด้านอาชีพและการใช้ชีวิต กลุ่มสังคมอย่างชัดเจน แต่เรื่องวรรณะมันกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมปัจจุบันอย่างมากเช่นกัน

เริ่มแรกสร้างมนุษย์ให้มีขาเดียวก่อน แต่เห็นว่าเคลื่อนไหวไม่สะดวก  จึงสร้างให้มนุษย์มี 3 ขาก็เกะกะมากเกินจำเป็น ก็เลยสร้างมนุษย์ขึ้นมาให้มี 2 ขาจนถึงทุกวันนี้ โดยพระพรหมเป็นมหาเทพผู้สร้างโลก และเป็นหนึ่งในเทพตรีมูรติ ถือว่าเป็นมหาเทพสูงสุด

ในประเทศอินเดียจะมีเทศกาลบวงสรวงบูชาพระพรหมช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เรียกว่า “เทศกาลบูชการ์คาเมลา” แม้แต่ประเทศในแถบเอเชีย เช่น ไทย จีน ญี่ปุ่น รับอิทธิพลการบวงสรวงบูชาพระพรหมมากกว่าชาวฮินดูโบราณเสียอีกในยุคปัจจุบัน

ติดตามบทความ Horoscope ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

Categories
The magic

“เจ้าบ้านเจ้าเรือน….”

ตกลงเป็นผีหรือเป็นเทวดากันแน่

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าบ้านเจ้าเรือนดังที่ใครเข้าใจ ตกลงเป็นผีหรือเทวดากันแน่? แน่นอนว่าเจ้าบ้านเจ้าเรือนจัดอยู่ในกลุ่มสิ่งเร้นลับที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่เจ้าบ้านเจ้าเรือนเป็นสัญลักษณ์ในการปกปักรักษาผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเรือน

หรือขอบเขตที่ตนดูแลอยู่ให้ปราศจากความชั่วร้ายทั้งปวง บางบ้านเรือนอาจจะมีในรูปแบบของเจ้าที่เจ้าทาง ศาลพระภูมิบ้าง บรรพบุรุษที่ตนนับถือ หรือบางที่อาจจะเป็นศาลตายาย ผีสาง หรือเทวดาที่มาปกปักรักษาคนในบ้านให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งจะต้องมีการไหว้ การบูชาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสิริมงคลต่อตนเองและคนในครอบครัวที่เป็นบริวาร

ก่อนจะพูดถึงเนื้อเรื่องนั้น ความเชื่อเรื่องเจ้าบ้านเจ้าเรือนนั้น มีอีกชื่อหนึ่งว่า “ผีบ้านผีเรือน” ซึ่งในบทความนี้ขออนุญาตเรียกว่าเจ้าบ้านเจ้าเรือนจะดีกว่า ซึ่งความเชื่อนั้นแทบจะทุกภูมิภาคต่างๆ ในประเทศไทยที่ยังมีความเชื่อเรื่องเจ้าบ้านเจ้าเรือนอยู่ บ้านที่เราอยู่นั้นจะมีเจ้าบ้านเจ้าเรือนคอยคุ้มครองคนในบ้านอยู่ หรือถ้าคนในบ้านทำตัวไม่ดี ประพฤติตนในทางที่ไม่ควร ก็จะมีเสียงกระซิบที่เรียกว่า “พรายกระซิบ” หรือบางทีอาจจะปรากฏตัวให้เห็น หรือเข้าฝัน เพื่อเตือนให้รู้ตัว

แต่ส่วนใหญ่เจ้าบ้านเจ้าเรือนในประเทศไทยมักจะเป็นรูปแบบบรรพบุรุษของคนในครอบครัวนั้นๆ มากกว่า จะค่อนข้างห่วงใยลูกหลานเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นได้ทั้งบรรพบุรุษ หรือรุกขเทวดาที่สิงสู่ในตัวบ้านมาก่อน (อาจจะก่อนที่เรามาอาศัยเสียอีก) ก็เป็นได้ และเมื่อถึงวันเทศกาลต่างๆ เช่น วันสารท วันตรุษ (อาจจะมีตรุษจีน ตรุษญวน) ก็จะมีการทำพิธีเซ่นไหว้ผีรวมถึงเจ้าบ้านเจ้าเรือน เพื่อขอให้ช่วยปกปักรักษา คุ้มครองคนในบ้านให้อยู่ดีมีสุข โดยจะมีการทำบุญให้ตามคติความเชื่ออยู่เสมอ และให้มีความเอาใจใส่เสมือนคนในครอบครัวที่ต้องนับถืออยู่เสมอๆ

เจ้าบ้านเจ้าเรือนส่วนมากจะไม่ค่อยให้โทษนัก เพราะจะต้องอาศัยบารมี แรงบุญที่ตนเคยมีแต่เดิม รวมถึงการกราบไหว้บูชา ทำบุญอุทิศส่วนกุศลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีพลังเพียงพอในการดูแลรักษาสถานที่แห่งนี้ให้ทำการสิ่งใดราบรื่น มีความมั่นคง คล่องตัว คนในบ้านมีความสุข และให้อยู่อย่างมั่งมีศรีสุขดังที่ใครๆ คาดหวัง ซึ่งการบูชานั้นจะทำทุกวันพระบ้าง เซ่นไหว้ตามความสมควร บูชาตามช่วงเวลาของพระภูมิเจ้าที่ หรือกราบไหว้บรรพบุรุษตามกำลังที่ตนเหมาะสม สิ่งนี้เองจะช่วยให้เจ้าบ้านเจ้าเรือนสามารถดูแลบ้านเรือนไปได้ยาวนาน

ติดตามบทความ The Magic ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

Categories
The magic

“นางตะเคียน”…ให้โทษหรือให้คุณแก่เราแค่ไหน

เราจะเห็นตามสื่อต่างๆ ที่พูดถึง “นางตะเคียน” หรือ “เจ้าแม่ตะเคียน”

ซึ่งเป็นอีกความเชื่อเรื่องลี้ลับ ในสิ่งที่ทุกคนต้องประสบพบเจอกัน ไม่ว่าตามข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์ ตามละครและภาพยนตร์ และตามสื่ออื่นๆ ที่นำเสนอเรื่องราวเรื่องนางตะเคียนในมุมมองที่แตกต่างออกไป บ้างก็นำเสนอให้นางตะเคียนดูน่ากลัว ขนหัวลุก ทำอย่างกับว่าเหมือนผีแม่ ความเชื่อคนไทยอย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะ แต่ในบางมุมมองนั้นนางตะเคียนไม่ได้น่ากลัวจนดูร้ายแรงตามที่ใครเขาลือกัน ซึ่งในบทความนี้จะมาอธิบายกันว่านางตะเคียน…ตำนานความเชื่อที่มีอิทธิพลต่อคนไทยอย่างไรบ้าง

ความเชื่อเรื่องของนางตะเคียนหรือเจ้าแม่ตะเคียนนั้น จะเป็นสิ่งลี้ลับในทางวิญญาณมากกว่าที่จะเป็นนางไม้เข้ามาสิงตรงนั้นมากกว่า ซึ่งจะสิงในต้นตะเคียน มีรูปร่างหน้าตาสวยงดงาม ผมยาว ห่มสไบแบบไทยๆ ค่อนข้างจะหวงที่อยู่อาศัยของตนเอง หากใครมีความรู้สึกแปลกๆ เช่น มีเสียงกระซิบ เห็นนางตะเคียนวนเวียนไปมา หรืออาจจะมีการเข้าฝันตามคนอื่นเพื่อขุดตะเคียนเพื่อนำขึ้นมา หรือถ้ามาสายโหดหน่อยจะดุร้าย คอยหลอกหลอนให้คนขวัญผวาตามๆ กัน เนื่องจากนางตะเคียนจะโกรธเมื่อใครมารุกรานในที่ของตน หรือกระทำสิ่งไม่ดีไม่งามในที่ที่ตนอาศัยอยู่ (ถ้ามาหยาบคายก็ไม่ค่อยมีใครชอบสักเท่าไหร่นัก)

แต่ถ้ามองในทางกลับกันก็ไม่ได้ร้ายสักทีเดียว นางตะเคียนจะเป็นสัญลักษณ์ด้านโชคลาภ เพราะไม่ว่าที่วัดไหนมีต้นตะเคียนให้กราบไหว้ จะมีคนมาขูดหวย หรือถูแป้งหาเลขเด็ดเพื่อนำไปตีเป็นหวย จนคนที่นำเลขเด็ดไปตีเป็นหวยต่างถูกกันถ้วนหน้า แทบทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือนจะมีคนตั้งหน้าตั้งตารอขูดหวยกันมากมายหลายตา แล้วเชื่อกันเต็มประตูในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ของนางตะเคียนที่ให้โชคลาภ และถ้าบ้านเรือนมีการนำตะเคียนมาทำบ้านเรือนแล้วเคารพเจ้าของเป็นอย่างดี นางตะเคียนก็จะให้คุณ วันดีคืนดีอาจจะเห็นบริเวณบ้านสะอาดผิดปกติ สะอาดชนิดที่ว่ามีคนมาทำความสะอาดเป็นประจำ ขอให้รู้เลยว่านางตะเคียนคุ้มครองจริงๆ

อย่างไรก็ตามความเชื่อย่อมเป็นความเชื่ออยู่วันยังค่ำ แม้ว่าความเชื่อเรื่องของนางตะเคียนยังคงเป็นที่ถูกพูดถึงกันค่อนข้างมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ยังผูกพันกับความเชื่อเรื่องหวย ซึ่งมีอิทธิพลกับสังคมไทยค่อนข้างมากกว่าที่คิด นอกจากนี้อิทธิพลเรื่องนางตะเคียนยังไม่มีข้อพิสูจน์ชัดเจนว่าจริงหรือไม่ มีเพียงการกล่าวถึงในทางคติชนเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวที่สื่อในเรื่องของสิ่งเร้นลับของไทยในด้านคุณได้เป็นอย่างดี

ติดตามบทความ The Magic ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง