ทำบุญรับปีใหม่ 2566 เอาฤกษ์เอาชัย ในปีกระต่ายทอง

ใกล้จะสิ้นปี 2565 แล้ว สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นปีใหม่อย่างไรดี วันนี้เรามีวิธีการ ทำบุญรับปีใหม่ 2566 มาฝากกัน เพื่อเป็นการเริ่มต้นปีด้วยสิ่งดีๆ เสริมสิริมงคลทั้งต่อตนเองและครอบครัว ส่งผลให้ทั้งปีนั้นมีแต่ความสุขความเจริญนั่นเอง เอาล่ะใครที่อยากรู้ว่ามีวิธีการปฏิบัติอย่างไรและมีสถานที่ไหนน่าไปบ้างนั้นรีบมาอ่านไปพร้อมกันเลย

สวดมนต์ข้ามปี

เริ่มด้วยกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเป็นการ ทำบุญรับปีใหม่ 2566ซึ่งการสวดมนต์ถือเป็นการก่อบุญสร้างกุศล เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีแต่ความเป็นสิริมงคลรับความสุขความเจริญเข้ามาในชีวิต

ทำพิธีบูชานพเคราะห์ ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ( กรุงเทพ )

โดยงานเริ่มตั้งแต่ 18.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เวลา 21.00 น. มีการทำพิธีบูชานพเคราะห์ พิธีเสริมดวงชะตา และพิธีสืบชะตาเสริมบารมีทำความดีต้อนรับปีใหม่

และในเวลา 23.00 น. คณะสงฆ์จากวัดเบญจมบพิตรฯ เจริญชัยมงคลคาถา เมื่อพิธีสวดมนต์เสร็จแล้วจะมีการจับสลากมอบรางวัลให้กับผู้ที่มาเข้าร่วมพิธีด้วย

ตักบาตร ณ วัดเทพลีลา ( กรุงเทพ )

โดยในช่วงเช้าเวลา 9.00 น. ทางวัดจะมีพิธีการสวดนพเคราะห์ และการสวดมนต์ข้ามปีร่วมเจริญพุทธมนต์ จะเริ่มอีกครั้งในเวลา 23.00 น.

และสำหรับวันปีใหม่ 1 มกราคม 2566 เวลา 8.00 น. จะมีการตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ส่วนเวลา 9.00 น. มีพิธีการสวดนพเคราะห์

สวดมนต์ เจริญสมาธิ เสริมสิริมงคล

หากใครไม่สะดวกออกข้างนอก เราก็มี 9 บทสวดที่สามารถทำได้ที่บ้านมาฝากกันด้วย เป็นการสวดมนต์เพื่อทำสมาธิเสริมบุญ เสริมดวงให้ดวงเรามีสิริมงคลมากขึ้น ได้แก่ บทแรกคำกล่าวบูชาพระรัตนตรัย

บทที่ 2 บทกราบพระรัตนตรัย, บทที่ 3 บทสวดนมัสการพระพุทธเจ้า, บทที่ 4 บทสมาทานศีล 5, บทที่ 5 บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย, บทที่ 6 บทสวดมงคลสูตร, บทที่ 7 บทโพชณังคปริตร

บทที่ 8 บทพุทธชัยมงคลคาถา และบทที่ 9 บทแผ่เมตตา ( เป็นการแผ่เมตตาให้กับตัวเองและการแผ่เมตตาทั่วไป ) ซึ่ง 9 บทสวดนี้จะเสริมสร้างสิริมงคลให้เหล่าผู้เจริญสมาธิพบเจอแต่สิ่งดีๆ ตลอดทั้งปี 2566

ทำบุญรับ ปีใหม่2566 ด้วยการกราบขอพรผู้มีพระคุณ

อีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนควรทำในช่วงปีใหม่หรือวันเกิด คือ ระลึกถึงคุณบิดามารดาหรือผู้ที่อบรมสั่งสอนเลี้ยงดูเรามาให้เติบโตเพื่อรับพรเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต

และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีการเริ่มต้นสิ่งดีๆทำบุญรับปีใหม่ 2566 เอาฤกษ์เอาชัย ในปีกระต่ายทอง โดยบางกิจกรรมก็มีการจัดขึ้นในทุกๆ ปีตามสถานที่ต่างๆ แต่หากใครไม่สะดวกออกไปก็สามารถปฏิบัติตามวิธีข้างต้นจากที่บ้านก็ได้เช่นกันเพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดปีและตลอดไป

ติดตามบทความ Luck item ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : Sport lover

พระเครื่องราคาหลักล้าน ตอนที่ 2

ชมพระเครื่องราคาหลักล้าน อันดับที่ 11 ถึงอันดับที่ 15 ไปแล้ว  มาชมพระเครื่องราคาหลักล้านอันดับต่อไปกันเลยว่าจะเป็นพระเครื่ององค์ใดบ้าง พระเครื่องราคาหลักล้านอันดับต่อไปกันเลยว่าจะเป็นพระเครื่ององค์ใดบ้าง

อันดับที่ 10 เหรียญกรมหลวงชุมพร เนื้อเงิน

เหรียญข้าวหลามตัดเสด็จในกรมหลวงชุมพร ปลุกเสกโดยหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า เกจิผู้มีชื่อเสียง และเป็นพระอาจารย์ของเสด็จกรมหลวงชุมพร  ลักษณะเหรียญเป็นทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ปั้มข้างกระบอก เจาะหูในตัว ด้านหน้าเหรียญตรงกลางเป็นรูปเหมือน กรมหลวงชุมพรครึ่งองค์ ฉลองพระองค์เต็มยศนายทหารเรือโดยรอบสี่เหลี่ยมจารึกข้อความว่า กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

พระองค์เจ้า อาภากร เกียรติวงศ์ โดยมีลวดลายกนกประดับ ด้านหลังตรงกลาง เป็นรูปพระอาทิตย์ทรงราชรถ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ข้อความโดยรอบจารึกว่า ที่ระลึกงานพระเมรุท้องสนามหลวง วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2466 โดยมีการจัดสร้างด้วยกัน 3 เนื้อก็คือ เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อทองแดงกะไหล่เงิน กะไหล่ทอง ซึ่งเหรียญกรมหลวงชุมพร เนื้อเงิน มีราคาการเช่าหาบูชาเปลี่ยนมือกันอยู่ที่ 1 ล้าน 3 แสนบาท

อันดับที่ 9 พระปิดตาหลวงพ่อทับ พิมพ์ต้อ วัดอนงค์เนื้อเมฆสิทธิ์

หลวงปู่ทับ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าที่เชี่ยวชาญในวิธีเล่นแร่แปรธาตุ เก่งทางด้านคาถาอาคม ท่านได้หลอมโลหะ จนได้โลหะเมฆสิทธิ์ที่มีวรรณะสีสันสวยงามแปลกตา มีคุณวิเศษณ์ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ก็ได้มาศึกษาและแลกเปลี่ยนวิชากับท่าน           เมฆสิทธิ์ นับเป็นโลหะวิเศษณ์

ถ้าเป็นคนรุ่นเก่าจะเรียกการสร้างโละเมฆสิทธิ์ และเมฆภัทรว่า  การเล่นแร่แปรธาตุ โดยเชื่อกันว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เพราะขณะทำการหลอมรวม จะต้องมีการบริกรรมพระคาถากำกับไปด้วย พุทธคุณโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยม มีโชคลาภ และแคล้วคลาดปลอดภัย ซึ่งพระปิดตาหลวงพ่อทับ วัดอนงค์เนื้องเมฆสิทธิ์ มีราคาการเช่าหาบูชาเปลี่ยนมือกันอยู่ที่ 1 ล้าน 4 แสนบาท

          อันดับที่ 8 พระขุนแผนเคลือบ พิมพ์ฐานเตี้ย กรุวัดใหญ่ชัยมงคล

พระขุนแผนเคลือบ นับเป็นพระเครื่องอันดับหนึ่งของพระนครศรีอยุธยา โดยมูลเหตุการณ์จัดสร้าง ความงดงามของพุทธศิลปะ พุทธลักษณะ รวมถึงพระพุทธคุณที่เป็นเลิศครบครัน จัดเป็นต้นแบบของพระพิมพ์ขุนแผน ที่จัดสร้างกันต่อๆมาจนถึงปัจจุบัน

          ย้อนไปเมื่อคราวสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำสงครามยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชา พอเสด็จกลับมายังพระนคร จึงทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่ขึ้นเพื่อไว้เป็นพุทธบูชา และเป็นอนุสรณ์ในการสงครามในครั้งนี้ที่วัดป่าแก้ว และในการสร้างพระมหาเจดีย์นี้ สมเด็จพระพนรัตน์ พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวมหาราชท่านได้สร้างพระพิมพ์บรรจุไว้ในพระมหาเจดีย์หลายพิมพ์ทรง

แต่ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี และเป็นที่นิยมสะสมในนักนิยมสะสมพระเครื่องก็คือ พระขุนแผนเคลือบ ซึ่งนอกเหนือจากความทรงคุณค่าขององค์พระที่สร้างขึ้นเป็นพุทธบูชาและปลุกเสกโดยสมเด็จพระพนรัตน์ อันนับได้ว่าเป็นพระเครื่องทีททรงพุทธคุณครบครัน เป็นที่ปรากฏทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ทั้งเนื้อหาและพุทธลักษณะขององค์พระ ยังมีความงดงามอย่างไม่มีที่ติอีกด้วย ซึ่งพระขุนแผนเคลือบพิมพืฐานเตี้ย กรุวัดใหญ่ชัยมงคล มีราคาการเช่าหาบูชาเปลี่ยนมือกันอยู่ที่ 1 ล้าน 4 แสนบาท

          อันดับที่ 7 เหรียญหล่อพิมพ์ หลวงปู่ศุข หลวงพ่อทับวัดอนงค์ เนื้อเมฆสิทธิ์

หลวงปู่ทับ ท่านได้จัดสร้างพระเมฆสิทธิ์ไว้หลายพิมพ์ เช่น พิมพ์ปางซ่อนหา พิมพ์เล็บมือ พิมพ์หลวงปู่ศุข พิมพ์ประภามณฑล พิมพ์ปิดตา พิมพ์พระลีลา พิมพ์ซุ้มชินราช นอกจากนี้ยังหล่อเป็นลูกอมและหัวแหวน ส่วนพระพิมพ์พิเศษ มีให้เห็นน้อยมาก แทบจะนับองค์ได้ ซึ่งในการหล่อหลอมนั้น มีการเสกซัดแร่ต่างๆ พร้อมทั้งมีปรอทเป็นมวลสารและกำกับด้วยคาถาอาคมให้แร่ทั้งหลายแปรสภาพและเปลี่ยนวรรณะโลหะที่ได้จากการหลอมมีลักษณะแข็งแต่ไม่แกร่ง

เมื่อปอกผิวใหม่ๆ จะมีวรรณะขาววาวดั่งเงินยวง หากแช่น้ำร้อนหรือปล่อยให้สัมผัสอากาศจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และที่สำคัญ พระเนื้อเมฆสิทธิ์ต้องระวังเป้นอย่างมาก เพราะถ้าตกแล้วจะแตกโดยทันที ซึ่งเหรียญหล่อหลวงปู่ศุข หลวงพ่อทับวันอนงคาราม เนื้อเมฆสิทธิ์มีราคาการเช่าหาบูชาเปลี่ยนมือกันอยู่ที่ 1 ล้าน 4 แสนบาท

อันดับที่ 6 พระสมเด็จจิตรลดา หรือ พระกำลังแผ่นดิน

          ถือว่าเป็นพระพุทธรูปพิมพ์องค์เดียวที่สร้างในเมืองไทย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นผู้สร้าง เป็นพระเครื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงสร้างด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง เพื่อพระราชทานแก่ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และพลเรือน ในช่วงปี พ.ศ.2508-2513 โดยมีทั้งสิ้น 2,500-3,000 องค์ พระบาทสมเด็จพระมหาปรมินทร์ภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง โดยมีเอกาสารใบกำกับพระซึ่งแสดงชื่อนามสกุล วันที่ได้รับพระราชทาน และหมายเลขกำกับทุกองค์ ซึ่งพระสมเด็จจิตรลดา มีราคาเช่าหาเปลี่ยนมือกันอยู่ที่ 1 ล้าน 5 แสนบาท

          ติดตาม15อันดับ พระเครื่องราคาหลักล้าน ลำดับที่ 1 -5 ในบทความตอนสุดท้าย

ติดตามบทความ Lucky item ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB :

ไขความลับบอกความจริงบูชาพระพิฆเนศ ปางไหน รวยสุด ปังสุด

บูชาพระพิฆเนศ ปางไหนรวยสุดปังสุดคำตอบก็คือ บูชาปางไหนก็ได้ เพราะพระพิฆเนศก็คือพระพิฆเนศ ส่วนเทวลักษณะของพระองค์ขึ้นอยู่ที่เราชื่นชอบเราชื่นชอบปางไหน องค์ไหน เวลาที่เราสักการะพระองค์ แค่เราได้มองหน้ามองพระพักตร์พระองค์เราก็จะเกิดพลัง เกิดความสุขในการปฏิบัติบูชาต่างๆ พระองค์ จะปางไหนก็คือพระพิฆเนศองค์เดียวกัน

ทุกอย่างอยู่ที่จริตของเราเราชื่นชอบเรามีความศรัทธา เทวรูปพระพิฆเนตรคือลักษณะต่างๆ ก็ล้วนเป็นองค์สมมุติขององค์พระพิฆเนศทั้งสิ้น แค่เราได้เพ่งจิต มีสมาธิถึงท่านในการทำการปฏิบัติบูชาสวดมนต์ หรือแม้แต่พระพิฆเนศที่ทำมาจากดิน เราปั้นเองทำเอง แล้วนำมาตั้งบูชาด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

เพราะฉะนั้นการบูชาพระพิฆเนศแล้วอยากจะประสบความสำเร็จ เปรี้ยงปังแน่นอน เรามีพลังศรทธา ทำให้เกิดพลังบวกทำให้เราได้มีแรง มีกำลังไปปิบัติหน้าที่เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จจะพิมพ์ไหนปางไหนก็คือองค์พระพิฆเนศทั้งสิ้น อันนี้เราพูดถึงมิติของความศรัทธา

แต่ในมิติของศิลปะก็ขึ้นอยู่กับผลงานของศิลปะ บางคนมุ่งในวัตถุนิยม ชื่นชอบศิลปะความงดงามขององค์พระพิฆเนศ อันนี้ก็เป็นอีกมิติหนึ่ง

       อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจจะบอกว่า ไม่จริงล่ะต้องบูชาปางนี้ถึงถูกหวย อาจมีการบอกต่อกันว่า บูชาได้โชค ถูกหวยถูกล็อตเตอรี่ บอกว่าคนโน้นคนนี้ถูกหวยแต่ถ้าไม่ถูกก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลา ก็หลากหลาย ถ้าคุณบอกว่าบูชาพระพิฆเนศเพื่อจะให้ถูกหวย อันนี้มันผิดตั้งแต่เริ่มที่จะบูชาพระองค์แล้ว ถ้าเราคิดว่าเราอยากจะบูชาพระพิฆเนศมาเพื่อจะได้มีโชคมีลาภเป็นไปได้ แต่อย่าไปหวังว่าบูชาแล้วจะต้องถูกหวย 100 % แต่ถ้าบูชาแล้วไม่ถูกหวยไม่สำเร็จเราจะโทษพระองค์หรือ?

การบูชาพระพิฆเนศ พระองค์คือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นการสร้างพลังบวกในการไปปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติงาน และเป็นกำลังใจให้เรามากกว่า

       ไม่ว่าจะบูชามาองค์ละ 99 บาท หรือองค์ละ 3 ล้าน หรือแม้กระทั่งได้ฟรีมาก็จะไม่มีค่าเลยถ้าเราไม่ใช้พลังของความศรทธาและปฏิบัติตัวก้าวไปสู่ทิศทางของความสำเร็จ ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ตั้งมั่นในสิ่งที่ตั้งหวังไว้ เราก็ไม่มีความสำเร็จ

       สรุปว่าไม่ว่า คุณจะบูชาพระพิฆเนศปางไหน ราคาเท่าไหร่ จากที่ไหน คุณก็ สามารถสำเร็จได้ ปังได้ รวยได้ ด้วยพลังบวกและความศรัทธาของคุณที่ได้รับจากพระองค์ท่าน เพราะพระพิฆเนศก็คือ เทพแห่งพลังบวก เทพแห่งความสำเร็จ นี่คือความลับที่เป็นจริงที่สุดของการบูชาพระพิฆเนศ อย่าได้ไปถูกใครเขาหลอก และเชื่อตามคำโฆษณาเชียว

ติดตามบทความ Lucky item ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

ถ้าให้พูดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

เทพอันดับหนึ่งที่มีคนรู้จักและนับถือกันมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น พระพิฆเนศ หรือ พระพิฆเนศวร เพราะไม่ใช่เฉพาะแต่คนในศาสนาเองเท่านั้นที่บูชาท่าน แต่หลายคนที่นับถือศาสนาอื่นๆ ก็กราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานด้านศิลปะและบันเทิง วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ และวิธีบูชาพระพิฆเนศ ให้เกิดสิริมงคลแก่ตัวเองมาฝาก จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

ประวัติความเป็นมา

ก่อนอื่น เรามารู้ถึงกำเนิดขององค์พระพิฆเนศกันก่อน นั่นคือ

พระแม่ปารวตีเกิดรู้สึกเหงา จึงได้เสกเด็กมาอยู่เป็นเพื่อน และดูแลเสมือนหนึ่งเป็นลูก จนวันหนึ่ง พระศิวะกลับมาแล้วเจอว่า มีเด็กผู้ชายมาอยู่ในห้องของพระแม่ปารวตีก็โกรธ แล้วตัดหัวเด็กทิ้งทันที ทำให้พระแม่ปารวตีเสียพระทัยเป็นอันมาก

พระศิวะตั้งใจชุบชีวิตเด็กขึ้นมาใหม่ แต่ด้วยศีรษะถูกตัดไปแล้ว จึงได้อธิษฐานจิตขอใหม่ แล้วได้ออกมาเป็นศีรษะของช้างแทน จึงเป็นที่มาว่า เหตุใดพระพิฆเนศจึงมีศีรษะเป็นช้าง

วิธีการบูชา

การบูชาพระพิฆเนศ จะใช้เครื่องบูชา ที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่จะเน้นผลไม้ที่หาง่ายในบ้านเราอย่าง กล้วย อ้อย สับปะรด นม และน้ำ

ส่วนการจุดธูปหรือกำยาน ให้จุดเพียงแค่ให้มีควันลอยขึ้นมา สำหรับทำพิธีบูชาก็พอ นอกจากนี้ หากสังเกตจะเห็นว่า ที่องค์พระพิฆเนศ จะมีหนูอยู่ด้วยเสมอ เพราะเป็นพาหนะของท่าน บางคนมีความเชื่อว่า เวลาไปขอพรกับพระพิฆเนศ ให้ไปกระซิบที่หูของหนูด้วย เพื่อให้หนูส่งผ่านคำขอนั้นไปยังองค์พระพิฆเนศ

โดยคาถาในการบูชาแบบย่อ คือ “โอม ศรี คเนศายะ นะมะฮา” ซึ่งจะสวด 1 จบ , 3 จบ หรือ 9 จบก็ได้

ใครควรบูชาพระพิฆเนศ

ไม่เฉพาะคนที่นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เท่านั้นที่ควรบูชา ไม่ว่าจะเป็นใคร ศาสนาอะไร ก็สามารถบูชาได้หมด รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพอื่นๆ ที่ไม่ใช่สายศิลปินนักแสดงด้วยเช่นกัน เพราะพระพิฆเนศ เป็นเทพแห่งศิลปะ ปัญญา และความสำเร็จ ฉะนั้น ใครก็ตามที่อยากประสบความสำเร็จ ก็สามารถบูชาได้หมด โดยเลือกบูชาปางที่ตรงกับสายอาชีพ เช่น  

• ปางลีลา เหมาะกับคนที่ทำงานสายศิลปะ และวงการบันเทิง

• ปางอ่านหนังสือ เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานด้านวิชาการ เช่น ครู อาจารย์

• ปาง 5 เศียร เหมาะกับคนที่ทำงานในตำแหน่งหัวหน้า หรือเป็นผู้บริหาร เพราะหมายถึงสติปัญญา และความหลักแหลม

• ปางเป่าขลุ่ย เหมาะกับทุกคน ที่ต้องการจะมีความสุข ครอบครัวอบอุ่น และมีชีวิตที่ราบรื่น

ได้รู้เคล็ดลับการบูชาเทพแห่งความสำเร็จกันไปแล้ว ใครอยากให้ชีวิตประสบความสำเร็จ ก็อย่าลืมหาพระพิฆเนศปางที่ตรงกับเรามาบูชากันนะ

ติดตามบทความ The Magic ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

ชาวจีน เป็นเชื้อชาติที่มีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมาย อย่างคนที่ออกแบบตกแต่งบ้าน

ก็มักจะใช้หลักฮวงจุ้ยมาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ นอกจากนี้ก็ยังมีของมงคล วางไว้ตามจุดต่างๆ ของบ้าน เพื่อเสริมสิริมงคลอีกด้วย ซึ่งทุกวันนี้คนไทยเอง ก็เริ่มหันมาบูชาของมงคลแบบจีนกันมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ลองมาดูกัน

มังกร

นับเป็นหนึ่งในสัตว์เทพทั้ง 4 ของจีน อันได้แก่ มังกรเขียว หงส์แดง เสือขาว และเต่าดำ โดยว่ากันว่า หากใครมีมังกรอยู่ที่บ้าน จะช่วยเสริมเรื่องพลังอำนาจ ความมั่งคั่ง และความโชคดี เนื่องจากมังกรสื่อถถึงความยิ่งใหญ่ แข็งแกร่งและร่ำรวย

ตำแหน่งวาง

ทิศตะวันออก หรือด้านซ้ายของบ้าน (มองออกมาจากข้างใน) หรือ ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว และห้องทำงาน ห้ามวางไว้ในห้องน้ำ หรือโรงรถ

กิเลน

มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ม้ามังกร หรือ ยูนิคอร์นจีน เป็นสัตว์ในตำนาน ที่มีหัวเป็นมังกร ตัวเป็นม้า กีบเป็นกวาง และผิวมีเกล็ดเหมือนปลา ซึ่งเชื่อกันว่า กิเลนสามารถดูดซับพลังงานดี หากมีไว้ จะช่วยคุ้มครองคนในบ้าน รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และเสริมความเจริญรุ่งเรืองได้

ตำแหน่งวาง

ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น หรือใกล้ประตูบ้าน โดยให้หันหน้าเข้าหาคน ห้ามวางในห้องนอน ห้องครัว หรือห้องน้ำ

สิงห์คู่

ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ โดยสมัยโบราณ ผู้ที่มีอำนาจและเงินทอง จะวางสิงห์คู่ไว้หน้าประตูทางเข้า เพื่อรักษาทรัพย์สินและคนในบ้าน เราจึงมักเห็นสิงห์คู่เฉพาะในวัด สำนักงาน และบ้านตระกูลใหญ่เท่านั้น สิงห์คู่ที่ดีควรมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย โดยตัวผู้จะเหยียบโลกไว้ หมายถึงการป้องกันบ้านเรือน ส่วนตัวเมียจะเหยียบลูกไว้ หมายถึงการป้องกันภัยจากแม่

ตำแหน่งวาง

หน้าประตูบ้าน โดยให้ตัวเมียอยู่ด้านซ้าย ตัวผู้อยู่ด้านขวา (มองจากด้านนอก)

เรือสําเภา

ถือเป็นของมงคลคู่บ้านและออฟฟิศ ของคนจีนในกลุ่มนักธุรกิจ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย ถ้าหากบ้านไหนประดับเรือสำเภาจีนไว้ ก็จะช่วยนำโชคลาภเข้ามาสู่คนในบ้านได้

ตำแหน่งวาง

ทิศตะวันออก หรือตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งสำคัญคือ ต้องหันหัวเรือเข้ามาในบ้าน ซึ่งหมายถึงการรับเข้า ถ้าหันออกจะเหมาะกับออฟฟิศ ซึ่งหมายถึงการเจรจาธุรกิจ

น้ำเต้า

ชื่อกันว่าเป็นภาชนะเก็บยาสมุนไพร และบรรจุน้ำทิพย์ น้ำเต้า จึงเป็นของมงคลด้านสุขภาพ นอกจากนี้ยังดูดพลังงานดีๆ เข้าไปเก็บไว้ ทำให้คนในบ้านมีแต่ความสุข และก็ดูดพลังงานที่ไม่ดีเข้าไป ทำให้คนในบ้านปลอดภัยด้วยเช่นกัน

ตำแหน่งวาง

แขวนไว้หน้าบ้าน หรือบนกำแพง ฝั่งที่ติดกับวัด โรงพยาบาล หรือสุสาน บ้างก็นำไปแขวนไว้ในห้องคนป่วย เพื่อช่วยให้อาการทุเลาลง

ของมงคลแต่ละชิ้น ล้วนมีความหมายที่ดีงาม ใครอยากเสริมสิริมงคลด้านไหนให้กับชีวิต ก็ลองหามาประดับบ้านกันดูนะ

ติดตามบทความ Lucky item ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

เรื่องความรักนั้น เพื่อให้มั่นใจ บางทีก็ต้องพึ่งพาเครื่องรางเสริมดวงบ้างเหมือนกัน

ใครที่คิดว่าตัวเองดวงความรักไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ หรือโสดมานานจนคานถามหา วันนี้เรามีตัวช่วย เป็นเครื่องรางเสริมความรักมาฝาก สายมูทั้งหลายไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะช่วยเสริมความรักแบบคู่รักแล้ว ยังช่วยสร้างเสน่ห์ ให้ผู้พบเห็นเกิดความเมตตา ทำให้ชีวิตดีขึ้น ก้าวหน้าขึ้นได้ด้วย ฉะนั้นรีบมาดูกันเลยว่าดีกว่ามีอะไรที่เหมาะกับเราบ้าง

ด้ายแดง

เป็นเครื่องรางตามความเชื่อของคนในประเทศแถบตะวันออกอย่าง จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อกันว่า คนที่เป็นเนื้อคู่กัน จะมีด้ายแดงผูกอยู่ที่นิ้วก้อยของทั้งคู่ แต่เรามองไม่เห็น และด้ายนี้จะนำพาให้สองคนมาพบกันเมื่อถึงเวลา จึงมีการนำด้ายแดงมาเป็นเครื่องรางเสริมความรัก ที่โด่งดังมากคือด้ายแดงจากวัดหวังต้าเซียน เกาะฮ่องกง ซึ่งเชื่อกันว่า ถ้าได้สวมใส่ หากโสดอยู่ก็จะมีความรัก หากมีคู่อยู่แล้ว ความรักก็จะมั่นคงขึ้น

โรสควอตซ์

เป็นหินสีชมพูหวานใส ที่เชื่อกันว่าเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งเทพวีนัส เทพีแห่งความรักและการให้อภัย เมื่อนำมาสวมใส่ จะช่วยเสริมเสน่ห์ ดึงดูดความรัก และมิตรภาพดีๆ เข้ามา ทั้งยังช่วยให้ผู้ใหญ่รักใคร่เอ็นดู ส่วนใครที่อกหัก โรสควอตซ์ยังมีพลังในทางบำบัด โดยจะช่วยรักษาแผลใจ และทำให้เรารู้สึกรักตัวเองมากขึ้น นับเป็นหินที่มีพลังครอบคลุมความรักในทุกๆ ด้านเลยทีเดียว      

เครื่องรางเก็นจิ

เป็นเครื่องรางแห่งศาลเจ้า Nonomiya Jinja ที่โด่งดังมาจากตำนานความรักสุดคลาสสิกของญี่ปุ่น ว่าด้วยเรื่องราวความรักของเจ้าชายเก็นจิกับหญิงสาวมากมายในราชสำนัก เครื่องรางนี้จึงช่วยให้สมหวังเรื่องคู่ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นศาลที่คนในท้องถิ่นนับถือกันมาก ในฐานะศาลเจ้าแห่งการจับคู่ ทำให้มีสาวโสดมาเยือนกันเป็นประจำ

แมลงภู่คำหลวง

เป็นเครื่องรางแบบล้านนา ที่มาจากฝั่งพม่า โดดเด่นเรื่องเมตตามหานิยมและโชคลาภ เชื่อกันว่าหากใครพกติดตัวไว้ ก็จะช่วยเสริมเสน่ห์ นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องคุ้มภัยจากศาสตร์มืดมนต์ดำทั้งหลาย ที่มองไม่เห็นได้อีกด้วย

ปัจจุบัน เรื่องของเครื่องราง ถือเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ใช่เรื่องลึกลับหรือน่ากลัวเหมือนแต่ก่อน ทั้งยังหามาบูชาได้ไม่ยาก และยังพกพาสะดวกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้บูชาก็ควรต้องหมั่นทำบุญเพื่อเสริมดวงให้กับตัวเองและเครื่องรางด้วย เพราะจะช่วยเสริมให้พลังของเครื่องรางที่เราบูชาอยู่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

ติดตามบทความ Lucky item ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

เสริมดวงการเงิน

ถ้าจะถามว่าทุกคนในโลกนี้ ว่ามีใครอยากรวยบ้าง ก็คงจะมีน้อยคนที่ตอบว่าไม่อยาก ในเมื่อใครๆ ก็อยากเป็นคนรวย อยากมีเงินเยอะๆ ไว้ใช้จ่ายในชีวิต วันนี้เราเลยจะพาทุกท่านมารู้จักกับ เครื่องรางเรียกทรัพย์ ซึ่งว่ากันว่า ถ้าใครมีไว้บูชาแล้ว เรื่องการเงินจะปังขึ้นได้แน่นอน อยากรวยต้องตามมาดู

กังหันนำโชค (จี้กังแชกงหมิว)

กังหันนำโชค จี้กังแชกงหมิว ที่ว่านี้ เป็นเครื่องรางที่มาจากวัดดังแห่งเกาะฮ่องกง ที่ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์นักหนา ใครๆ ต่างก็แห่ไปขอพรกันอย่างเนืองแน่น จนถึงขั้นมีเครื่องรางออกมาให้ได้บูชากัน ทั้งในรูปของจี้ห้อยคอ และจี้สร้อยข้อมือ นับเป็นของมงคล ที่เน้นเรื่องการเรียกทรัพย์แบบเต็มๆ รวมทั้งเรื่องโชคลาภ และการเสี่ยงด้วย

ไหมทอง

เป็นหินนำโชค ที่มีลักษณะเหมือนเส้นไหมสีทองอยู่ในหินตามชื่อเลย ด้วยสีทอง เป็นสีที่มีความหมายถึงความร่ำรวย และมั่งคั่งอยู่แล้ว จึงมีความเชื่อกันว่า ใครที่มีหินไหมทองไว้บูชา ชีวิตนี้จะมีแต่เงินแต่ทองเข้ามา มีทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์ โชคเข้าหา ทำมาค้าขึ้น ทั้งยังมีความสวยงาม สามารถใส่เป็นเครื่องประดับได้เลย

พระปิดตา

นับเป็นเครื่องรางแบบไทยๆ ที่เหล่าบรรดาเซียนพระนิยมมีไว้บูชากัน รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพทำมาค้าขาย เพราะมีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม และการเจรจา การเรียกลูกค้า พูดจาเป็นเงินเป็นทอง ที่สำคัญยังช่วยในเรื่องของโชคลาภได้อีกด้วย  

พญาต่อเงินต่อทอง

เป็นเครื่องราง ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเน้นเรื่องเงินทองโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสายลงทุน สายค้าขาย หรือสายนักเสี่ยงโชค เนื่องจากเชื่อกันว่า จะช่วยต่อยอดเงินให้เพิ่มขึ้นตามชื่อ โดยส่วนใหญ่จะบูชาเครื่องรางนี้ในรูปของตะกรุด จี้ และกำไลข้อมือ

ถุงเงินถุงทอง

นับเป็นเครื่องรางอีกหนึ่งอย่าง ที่เป็นความเชื่อต่อๆ กันมาของคนในประเทศแถบเอเชีย ว่าจะช่วยเรื่องการเก็บเงินเก็บทอง ให้สามารถออมเงินได้มาก รวมถึงช่วยในเรื่องการลงทุนให้ประสบความสำเร็จด้วยดี มีกำไร จึงเหมาะกับผู้ที่ทำธุรกิจ ผู้เป็นเจ้าของกิจการ นักลงทุน และนักเล่นหุ้นทั้งหลาย เพราะจะทำให้มีเงินใช้ไม่ขาดมือ การเงินไม่มีวันติดขัด

เครื่องรางนำโชค ถือเป็นตัวช่วยเสริมแรงด้านกำลังใจ ซึ่งหากเราบูชาอย่างถูกวิธี สิ่งเหล่าก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะหนุนดวง ให้ดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ความขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงานอย่างเต็มความสามารถ และรู้จักเก็บออม ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้เรื่องการเงินของเรานั้นดีขึ้นได้อย่างมั่นคงและยาวนาน

ติดตามบทความ Lucky item ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

ที่มาของศาสตร์ความเชื่อเกี่ยวกับพลังลี้ลับของอัญมณี

เรื่องความสวยความงามนั้น สาวๆ ส่วนใหญ่ยกให้เป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความเชื่อและความมงคล ก็เป็นสิ่งที่ลบหลู่ไม่ได้อีกเช่นกัน เมื่อ 2 สิ่งนี้มารวมกัน จึงเป็นที่มาของศาสตร์ความเชื่อเกี่ยวกับพลังลี้ลับของอัญมณี ซึ่งเมื่อถูกนำมาทำเป็นเครื่องประดับสำหรับสาวๆ แล้ว อัญมณีแต่ละชนิด จะให้พลังในด้านต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตามมาดูกันเลย

ทับทิม – อำนาจ ฮึกเหิม

ทับทิม เป็นอัญมณีสีแดง ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในสมัยก่อน คนโบราณได้ยกย่องให้ทับทิมเป็นราชาแห่งอัญมณีเลยก็ว่าได้ เพราะมักจะถูกนำไปประดับไว้บนมงกุฎ และบนดาบของพระราชาหรือองค์จักรพรรดิอยู่เสมอๆ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นอัญมณีที่ทำให้เกิดพลังอำนาจ ความฮึกเหิม และช่วยให้ชนะสงครามได้

มรกต – ศรัทธา

มรกต เป็นอัญมณีสีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของความศรัทธาและกล้าหาญ โดยคนโบราณเชื่อกันว่า พลังของมรกตนั้นสามารถขจัดปัดเป่าปัญหาต่างๆ และช่วยส่งเสริมความสุข ความรัก ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากปรองดองกันได้ และยังช่วยปรับสมดุลธาตุในร่างกายของเราให้เป็นปกติได้อีกด้วย

บุษราคัม – เสน่ห์

บุษราคัม เป็นอัญมณีสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ ช่วยเพิ่มเสน่ห์ ทำให้การติดต่อสื่อสารสัมฤทธิ์ผลได้โดยง่าย ทั้งยังเสริมพลังความคิดสร้างสรรค์ และทำให้มีสติ คิดการรอบคอบ หากนำมาทำเป็นเครื่องประดับอย่างแหวนหรือจี้ ก็จะทำให้ผู้สวมใส่เกิดสติปัญญาดี และมีเสน่ห์

ไพลิน – เยือกเย็น มั่นคง

ไพลิน เป็นอัญมณีสีน้ำเงิน เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ความสงบสุข และความสดใส ทั้งยังช่วยเสริมสร้างพลังในการดำรงชีวิต เพราะเชื่อกันว่าไพลินเป็นอัญมณีที่สามารถดับความร้อนรุ่มภายในจิตใจได้ เมื่อสวมใส่แล้ว จึงทำให้เกิดความรู้สึกที่เยือกเย็นมั่นคงขึ้นนั่นเอง

เพชร – ยิ่งใหญ่ ชัยชนะ

เพชร เป็นอัญมณีพิเศษที่มีความใส ไม่มีสี เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ และมีชัยชนะเหนือสิ่งทั้งปวง เมื่อสวมใส่จะช่วยให้กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีสติ เหมาะกับคนที่ขาดความมั่นใจ และต้องการความกล้าหาญมากเป็นพิเศษ รวมทั้งคนที่อืด เฉื่อย เชื่องช้า หรือกำลังขาดแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตด้วย

แทบไม่น่าเชื่อว่า นอกจากความสวยงามตามธรรมชาติที่เราได้จากอัญมณีแล้ว หินมีค่าแสนสวยเหล่านี้ ยังมีพลังงานลึกลับ ที่มีผลต่อจิตใจของผู้สวมใส่อีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจว่า เหตุใดอัญมณีหลากสีที่ว่านี้ จึงยังคงได้รับความนิยม และถูกนำมาทำเป็นเครื่องประดับอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยไม่เคยเสื่อมความนิยมลงไปเลย

ติดตามบทความ Lucky item ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

เจแปนนีส บ๊อบเทล เป็นแมวนำโชคสไตล์ญี่ปุ่น ฉบับแมวกวัก

เจแปนนีส บ๊อบเทล (Japanese Bobtail) หรือ เจ้าเหมียวหางกระต่าย ที่มีพลังงานล้นเหลือ ร่าเริง ขี้เล่น เป็นที่รักของครอบครัว จนถูกนำมาเป็นต้นฉบับแมวกวัก ของนำโชคสไตล์ญี่ปุ่น ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

แมว เจแปนนีส บ๊อบเทล เป็นสายพันธุ์แมวเก่าแก่ของญี่ปุ่น ที่เชื่อกันว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อน พวกมันได้ติดตามมากับพระสงฆ์ และมีหน้าที่คอยจับหนูในวัด จึงนับเป็นแมวที่มีอยู่ในญี่ปุ่นมานานมากแล้ว ดังที่ได้เห็นปรากฎเป็นภาพวาด หรือภาพพิมพ์โบราณตามสถานที่ต่างๆ ของญี่ปุ่นมากมาย ต่อมาเจ้าเหมียวหางกุดพันธุ์นี้ ก็ได้ไปมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างในปัจจุบัน

ลักษณะทางสายพันธุ์

เจแปนนีส บ๊อบเทล เป็นแมวขนาดกลาง โดยตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของน้องก็คือหางกุดๆ นั่นแหละ ซึ่งแมวแต่ละตัว ก็จะมีหางที่กุดไม่เหมือนกันอีกด้วยนะ ความยาวของหางจะไม่เกิน 3 นิ้ว ทรงหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม ดวงตายาวรี หูตั้ง ขนนุ่มและเงางาม มีทั้งแบบขนสั้นและขนยาว นอกจากนี้ยังมีลักษณะที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ แมวพันธุ์นี้จะมีขาหลังยาวกว่าขาหน้าเล็กน้อย มองเห็นกล้ามเนื้อบริเวณขาหลังชัดเจน

ลักษณะนิสัย

นิสัยของแมว เจแปนนีส บ๊อบเทล คือ ชอบเป็นจุดสนใจ กระตือรือล้น ฉลาด และมักทำตัวเป็นศูนย์กลางของครอบครัว ชอบทำกิจกรรมร่วมกับคน เช่น นั่งดูทีวี อ่านหนังสือ รวมทั้งช่วยรับแขก เวลาที่มีคนมาเยี่ยมบ้านด้วย โดยมักจะคาบ หนู นก และแมลงต่างๆ มาให้ แมวญี่ปุ่นพันธุ์นี้ ยังเป็นมิตรกับเด็กๆ จึงเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก

นอกจากนี้ ด้วยความที่แมว เจแปนนีส บ๊อบเทล นั้นค่อนข้างมีสุขภาพแข็งแรง จึงออกจะซน ว่องไว เดินไว และวิ่งไวกว่าแมวทั่วไป ทั้งยังชอบกระโดด ชอบมุด จึงอาจสร้างความปวดหัวให้กับเจ้าของได้มากกว่าแมวทั่วไปด้วย แต่สำหรับคนที่ชอบแบบนี้อยู่แล้ว ก็นับว่าเจ้าเหมียว เจแปนนีส บ๊อบเทล เป็นสัตว์เลี้ยงที่ตอบโจทย์

การเลี้ยงดู

หากสนใจจะเลี้ยงแมว เจแปนนีส บ๊อบเทล ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า แมวพันธุ์นี้แทบจะผูกชีวิตทั้งชีวิตไว้กับเจ้าของเลยทีเดียว ซึ่งโดยปกติแล้ว จะมีการซื้อขายกันเมื่อลูกแมวที่อายุประมาณ 3-4 เดือน และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ แมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวขี้เล่น น้องไม่ชอบอยู่นิ่ง จะชอบเล่นมากๆ จึงควรเตรียมของเล่นไว้ให้เค้าเยอะๆ รวมถึงที่ลับเล็บด้วย

ใครที่ชอบสัตว์เลี้ยงที่ออกแนวบ้าพลัง ว่องไว ไม่อยู่นิ่ง ทำให้เราได้ออกกำลังไปด้วย ก็ลองพิจารณาเจ้าเหมียวพันธุ์นี้ดูนะ

ติดตามบทความ Lucky item ในทุกสัปดาห์ได้ที่ baan8mongkol.com

FB : รวมพลคนบันเทิง